ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์

ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์
stanley-wan.jpg

   

 

     เอ็ลเดอร์สแตนลีย์ วาน

    ผู้อำนวยการหน่วยบริหารงานประจำประเทศจีน

ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์เป็นของประทานจากพระผู้เป็นเจ้าที่ได้มาโดยผ่านความเชื่อ การเชื่อฟัง และงานที่ชอบธรรม เพียงแต่มีศรัทธาในสิ่งใดก็ได้นั้นไม่เพียงพอ แต่ต้องมุ่งเน้นไปที่พระบิดาในสวรรค์และพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำาเนิดของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ดังที่เอ็ลเดอร์ ดัลลิน เอช. โอ๊คส์ อธิบายไว้ว่า “หลักธรรมข้อแรกของพระกิตติคุณไม่ใช่ ‘ศรัทธา’ หลักธรรมข้อแรกของพระกิตติคุณคือ ‘ศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์’ ศรัทธาเป็นคำที่อยู่โดด ๆ ไม่ได้ ศรัทธาต้องมีกรรมมารับ ต้องเป็นศรัทธาในบางสิ่งหรือบางคน ในแง่นี้ ศรัทธาคล้ายกับคำว่ารัก คำาว่ารักอยู่คำาเดียวโดด ๆ ไม่ได้โดยไม่มีกรรมมารับ”1

เอ็ลเดอร์รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนว่า “จงเริ่มกับบุตรธิดาของท่าน บิดามารดามีความรับผิดชอบเบื้องต้นในการเสริมสร้าง ศรัทธาของพวกเขา จงให้พวกเขารู้สึก ว่าท่านมีศรัทธาแม้ในยามยากลำบาก จงให้ศรัทธาของท่านมีศูนย์รวมอยู่ในพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักและพระบุตรที่รักของพระองค์พระเจ้าพระเยซูคริสต์ จงสอนศรัทธาดังกล่าวด้วยความเชื่อมั่นเต็มที่ สอนบุตรชายหญิงที่ล้ำค่าแต่ละคนว่าเขาหรือเธอเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า ได้รับการสร้างตามรูปลักษณ์ของพระองค์ มีจุดประสงค์และ ศักยภาพอันศักดิ์สิทธิ์ แต่ละคนเกิดมาพร้อมการท้าทายที่ต้องเอาชนะและศรัทธาที่ต้องพัฒนา”2

ถึงแม้ยังเป็นเด็ก แดเนียล รีด เฮลสเต็น ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะรับใช้เป็นผู้สอนศาสนา เต็มเวลาเพื่อศาสนจักร ทุกครั้งที่เขาพูดว่าเขาต้องการเป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลาในประเทศจีน คนอื่นจะหัวเราะเยาะความ คิดของเขาโดยเห็นเป็นเรื่องขบขัน เมื่ออายุครบในการเป็นผู้สอนศาสนาและถึงเวลายื่นเอกสารเพื่อเข้าคณะเผยแผ่ เขาไม่ลืมความฝันของเขา ในที่สุดการเรียกก็มาถึง ไม่ใช่ประเทศจีน! แม้บางคนจะหัวเราะเยาะ แต่ไม่มีผลอะไรกับศรัทธาของเขาในพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์ เพราะประจักษ์พยานของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ เขายอมรับการเรียกของคณะเผยแผ่และพยายามอย่างมากที่จะเป็นเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพในพระหัตถ์ของพระเจ้า ขณะงานเผยแผ่ของเขาเหลืออีกเพียงไม่กี่เดือน ข้าพเจ้าก็ได้รับเรียกเป็นประธานคณะเผยแผ่ของเขา ชื่อคณะเผยแผ่นั้นเปลี่ยนเป็นคณะเผยแผ่จีน ฮ่องกง เพราะอังกฤษคืนฮ่องกงให้จีนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1997! 

เอ็ลเดอร์โนริมิชิ นากานิชิมาจากโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เขาเป็นผู้สอนศาสนาชาวญี่ปุ่นรับใช้ในคณะเผยแผ่จีน ฮ่องกง ขณะที่ข้าพเจ้าเป็นประธานคณะเผยแผ่ ข้าพเจ้าไม่มีวันลืมการสัมภาษณ์ฐานะปุโรหิตส่วนตัวครั้งแรกของเขากับข้าพเจ้า เขาไม่เข้าใจภาษากวางตุ้ง ภาษาอังกฤษก็ไม่เข้าใจ ตอนแรกเราไม่สามารถสื่อสารกันได้เลย เราเงียบ—ข้าพเจ้ามองเขา เขายิ้มตอบ อย่างไรก็ตามเราพบว่าอักษร ‘คันจิ’ ในภาษาญี่ปุ่นเหมือนอักษรจีนมาก เราจึงจบการสัมภาษณ์โดยใช้ภาษากายและกระดาษกับปากกา แม้จะมีความยากลำาบากด้านภาษาและวัฒนธรรม แต่ศรัทธาของเอ็ลเดอร์นากามิชิยังคงมีศูนย์กลางอยู่ที่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์และไม่พึ่งพลังของตนเองเพียงอย่างเดียว ภายในไม่กี่เดือนเขาสามารถสอนพระกิตติคุณด้วยภาษากวางตุ้งได้อย่างสบาย ภาษาอังกฤษของเขาก็พัฒนาขึ้นหลังจากอาศัยอยู่กับผู้สอนศาสนาชาวอเมริกัน อุปสรรคเรื่องภาษาไม่อาจทำให้เขาท้อถอยต่อการรับใช้อย่างซื่อสัตย์ได้ ในการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของข้าพเจ้ากับเขา เขาไม่เพียงพูดภาษากวางตุ้งได้อย่างคล่องแคล่วมากแต่ยังเข้าใจภาษาอังกฤษอย่างดีอีกด้วย เราพูดเล่นกับเขาว่าเขาต้องกลับไปทบทวนภาษาญี่ปุ่นใหม่เมื่อกลับโตเกียว!

ข้าพเจ้ามีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงเลือกหน้าผู้ใด ผู้สอนศาสนาทุกคนไม่ว่าจะมาจากที่ใด พวกเขาต่างมีสิทธิ์ได้รับของประทานแห่งพูดภาษาเพื่อทำาให้งานมอบหมายของพวกเขาสำาเร็จ เมื่อพวกเขามีศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์และทำงานด้วยสุดใจ พลัง ความนึกคิดและพละกำลังของพวกเขา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยพวกเขาแก้ปัญหาด้านภาษาและด้านอื่น ๆ เพื่อที่พวกเขาจะเผยแผ่พระกิตติคุณไปทั่วทุกมุมโลก

ศรัทธาที่แท้จริงคือความเชื่อบวกกับการกระทำ พระเยซูตรัสว่า “ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้”3 น่าเสียดายที่บางคนไม่ได้ระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้าจนกระทั่งเรื่องโศกเศร้าแสนสาหัสเข้ามาในวิถีชีวิตของตน เรื่องผิดปกติที่น่าเศร้าที่สุดเรื่องหนึ่งในยุคสมัยของเราคือความมืดบอดของมนุษย์ต่อความแท้จริงของความจริง เราลืมความรักและพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าง่ายเพียงใดเมื่อเราอยู่ในช่วงสุขสบาย! แม้กระนั้นบันทึกที่รู้จักกันดีเรื่องโยบในพันธสัญญาเดิมยังได้เปิดเผยต่อเราว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงเคยทอดทิ้งมนุษย์ให้สิ้นหวัง ตราบใดที่เขายังคงแน่วแน่และซื่อสัตย์ต่อพระองค์ ในศาสนจักร สิ่งนี้ทำให้ประจักษ์พยานของเราเข้มแข็งขึ้นเสมอ เมื่อเราเป็นพยานว่าครอบครัวที่ซื่อสัตย์จัดการกับความยากลำาบากที่หนักหนาอย่างไร

ศรัทธาหมายถึงการวางใจในพระเจ้าพระเยซูคริสต์เช่นกัน เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์กล่าวว่า ท่านรู้สึกวางใจเช่นนั้นในคำาพูดของลูกพี่ลูกน้องของท่านที่กล่าวในพิธีศพของหญิงสาววัยรุ่นผู้เสียชีวิตจากโรคร้าย ลูกพี่ลูกน้องของท่านกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้ที่ตอนแรกท่านประหลาดใจจากนั้นรู้สึกจรรโลงใจ “ผมรู้ว่านี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าที่เธอเสียชีวิต เธอได้รับการรักษาอย่างดี เธอได้รับพรฐานะปุโรหิต ชื่อของเธออยู่ในรายชื่อที่จะสวดอ้อนวอนในพระวิหาร มีคนสวดอ้อนวอนให้เธอหลายร้อยคนให้สุขภาพของเธอดีขึ้น และผมรู้ว่าครอบครัวนี้มีศรัทธาพอที่เธอจะหายเว้นแต่นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะนำเธอกลับ บ้านในเวลานี้” เอ็ลเดอร์โอ๊คส์รู้สึกถึงความวางใจอย่างเดียวกันในถ้อยคำของบิดาหญิงสาวที่ดีอีกคนหนึ่งซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งขณะยังเป็นวัยรุ่น บิดาท่านนั้นประกาศว่า “ศรัทธาของครอบครัวเราอยู่ในพระเยซูคริสต์ และไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น”4

ทุกวันนี้ เราไม่ได้เป็นทาสของฟาโรห์ เราไม่ต้องกลัวจะถูกทรมานเหมือนสมัยโมเสส ทั้งไม่ต้องกลัวว่าเทพแห่งการทำลายจะนำาความตายมาให้บุตรหัวปี เรื่องท้าทายที่เราเผชิญอยู่ในเวลานี้แตกต่างและเข้าใจยากกว่ามาก เพราะอำนาจที่ฉลาดแกมโกงและเจตนาร้ายของซาตาน เราอยู่ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย เราได้ยินเรื่องสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม ทุพภิกขภัย โรคระบาด แผ่นดินไหว สึนามิ โรคภัยไข้เจ็บ การโกงกิน ความเครียดเรื่องเศรษฐกิจ ครอบครัวตกอยู่ใต้การโจมตี และอัตราการหย่าร้างพุ่งสูง . . . ฯลฯ เรามีเหตุผลสำคัญมากพอที่จะกลัว แต่อย่าปล่อยให้ความกลัวเข้ามาแทนที่ศรัทธาของเรา เราสามารถต่อสู้กับความกลัวเหล่านั้นได้โดยเสริมสร้างศรัทธาของเราในพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์!

งานที่ชอบธรรมและงานดีนำาไปสู่ศรัทธาอันแรงกล้ายิ่งขึ้น ส่วนบาปและความชั่วร้ายบั่นทอนศรัทธา ประธานบริคัม ยังก์กล่าวว่า “ถ้าวิสุทธิชนยุคสุดท้ายจะดำเนินขึ้นไปตามสิทธิพิเศษของพวกเขาและใช้ศรัทธาในพระนามของพระเยซูคริสต์ และดำาเนินชีวิตอยู่ในความเบิกบานแห่งความสมบูรณ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด จะไม่มีสิ่งใดบนพื้นพิภพนี้ที่พวกเขาจะขอแล้วไม่ได้รับ พระเจ้าทรงรอคอยที่จะใช้พระคุณอันท่วมท้นต่อคนเหล่านี้ และจะทรงเทความอุดมสมบูรณ์ เกียรติยศ ความรุ่งโรจน์ และพลังมาบนพวกเขา พวกเขาจะครอบครองแม้ทุกสิ่ง ตามพระสัญญาที่ประทานผ่านอัครสาวก และศาสดาพยากรณ์ของพระองค์”5

ประธานยังก์กล่าวอีกว่า “ทุกคนที่ดำาเนินชีวิตอยู่ในศาสนจักรนี้ต้องซื่อสัตย์ พวกเขาจะดำเนินการไปตามที่ปรากฏแก่สายตาไม่ได้ แต่ต้องใช้ศรัทธาอย่างแท้จริงในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ เพื่อจะเบิกบานในความสว่างของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อพวกเขาเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ วิญญาณของโลกจะเข้าครอบงำพวกเขา และพวกเขาจะเย็นชาและไร้ผล และค่อย ๆ จมลงสู่ความมืดมนและความตายทางวิญญาณ”6

ข้าพเจ้าแสดงประจักษ์พยานอันหนักแน่นของข้าพเจ้าว่าเมื่อเรามีศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์ เราไม่ต้องกลัว! ข้าพเจ้ารู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์ พระเยซูคริสต์คือพระนามที่จะนำความรอดมาสู่พวกเราทุกคน พระองค์ทรงเป็นทางเดียวที่เราสามารถดำเนินตามเพื่อกลับไปอยู่กับพระบิดาบนสวรรค์ของเรา ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน 

อ้างอิง

1. ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “ศรัทธาในพระเจ้า พระเยซูคริสต์,” ในการประชุมเยาวชนหญิงสามัญ, เมษายน 1994.

2. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “เผชิญอนาคตด้วยศรัทธา,”เลียโฮนา, พ.ค. 2011, 42.

3. มัทธิว 7:21.

4. เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “รักษาคนป่วย,” เลียโฮนา, พ.ค. 2010, 58.

5. Discourses of Brigham Young, คัดเลือก โดย จอห์น เอ. วิดโซ (1954), 156.

6. คำสอนของประธานศาสนาจักร: บริคัม ยัง (1997), 54; ดู Deseret News Weekly, 25 เม.ย. 1855, 2.