จัดตั้งสเตคที่สองในสยามเมืองยิ้ม

จัดตั้งสเตคที่สองในสยามเมืองยิ้ม

วันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 1995 เอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองจัดตั้งสเตคแรกในประเทศไทย  บราเดอร์พรชัย จันทราทิพย์มาถึงเป็นคนแรกและอดทนรออยู่นอกห้องประชุมของโรงแรมอมารี วอเตอร์เกท  ก่อนการประชุม เอ็ลเดอร์แม็กซ์เวลล์ขอตัวมาดูกลุ่มผู้เข้าร่วมประชุม  ขณะนั้นเองที่ท่านพบบราเดอร์พรชัยวัย 48 ปีและขอให้เขาเข้าไปกับท่านในห้องแยกต่างหากซึ่งอยู่ใกล้กัน  หลังจากพูดคุยกันประมาณห้านาทีเอ็ลเดอร์แม็กซ์เวลล์กล่าวว่า “ผมต้องการให้คุณรับใช้เป็นผู้ประสาทพรของสเตคกรุงเทพที่เพิ่งจัดตั้ง  หลังเลิกประชุมผมจะวางมือมอบหน้าที่ให้คุณ”  สมาชิกภาพศาสนจักรเวลานั้นคือ 6,285 คน

เอ็ลเดอร์วิศิษฐ์ คณาคำ สาวกเจ็ดสิบภาค จำความตื่นเต้นของการประชุมครั้งประวัติศาสตร์คราวนั้นได้ ซึ่งเกิดซ้ำในอีกสิบเก้าปีต่อมาในวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 2014 เมื่อสมาชิกของศาสนจักรในกรุงเทพมาชุมนุมกันอีกครั้งที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกทเพื่อเป็นพยานการจัดตั้งสเตคกรุงเทพเหนือและท้องถิ่นกรุงเทพตะวันตก “เราตื่นเต้นมากและนอบน้อมที่ได้เห็นพรเพิ่มและเห็นพลังฐานะปุโรหิตทวีขึ้นในประเทศของเรา” ท่านกล่าว  “ผมรู้สึกว่าพระเจ้าทรงยืนยันการกระทำที่เกิดขึ้นวันนี้ ผมรู้สึกสงบ”

ตามงานมอบหมาย เอ็ลเดอร์เกอร์ริท ดับเบิลยู. กอง ประธานภาคเอเชีย พร้อมด้วยเอ็ลเดอร์เลียวนาร์ด อี. วู สาวกเจ็ดสิบภาคจัดตั้งสเตคกรุงเทพเหนือ ส่วนเอ็ลเดอร์ลาร์รีย์ วาย. วิลสัน พร้อมด้วยเอ็ลเดอร์วิศิษฐ์ คณาคำ สาวกเจ็ดสิบภาค จัดตั้งท้องถิ่นกรุงเทพตะวันตก  บราเดอร์พรชัยเข้าร่วมการประชุมอีกครั้งและยังคงรับใช้เป็นผู้ประสาทพร       สมัยเป็นวัยรุ่น บราเดอร์พรชัยประสบปัญหาจอตาลอกและปัญหาอื่นๆ ด้านการมองเห็น  สายตาท่านเริ่มเสื่อมลงเรื่อยๆ จนแพทย์ประกาศในท้ายที่สุดว่าตาบอดถาวร ขณะนั้นท่านอายุ 26 ปี  ทว่าความยากลำบากดังกล่าวมิได้ยับยั้งท่านจากการรับบัพติศมาในเดือนธันวาคม ปี 1975 ขณะอายุ 28 ปี อีกทั้งมิได้เป็นอุปสรรคขัดขวางท่านจากการเรียนจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่บีวายยู-ฮาวาย และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยบริคัม ยังก์ในโพรโว ยูทาห์ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 1986  บราเดอร์พรชัยกล่าวว่า “ถ้าผมไม่สูญเสียการมองเห็น ผมคงไม่มีศรัทธาจะทำตามพระกิตติคุณ  ผมอาจจะอ่อนแอและไม่อยู่ในที่ซึ่งผมต้องอยู่เมื่อเอ็ลเดอร์แม็กซ์เวลล์สัมภาษณ์ผม  ผมจำที่ท่านพูดได้ว่า ‘คุณจะไม่ร่ำรวยแต่คุณจะมีอาหารมากมายอยู่บนโต๊ะ’  นั่นคือพร  ผมมีครอบครัวที่ดี  ภรรยาผมมีงานอาชีพที่ดีตลอดมา และเรามีอาหารอยู่บนโต๊ะเสมอ”

หลังจากการสนับสนุนฝ่ายประธานสเตคและฝ่ายประธานท้องถิ่นชุดใหม่ เอ็ลเดอร์เลียวนาร์ด อี.  วู สาวกเจ็ดสิบภาคกล่าวว่า “บุรุษเหล่านี้ได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า ดูเหมือนพวกเขาอายุค่อนข้างน้อย แต่พลังในฐานะปุโรหิตไม่เกิดขึ้นตามอายุ แต่เกิดขึ้นตามศรัทธาและการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเยซูคริสต์  ประธานสาธิต ไกวัลวรรธนะเป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยมในเรื่องนี้  เมื่อเรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะบรรลุผลสำเร็จในทางที่ดีได้มากมาย”

ประธานไกวัลวรรธนะ ประธานสเตคกรุงเทพเหนือคนใหม่ ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในปี 1995 ทำให้เขาต้องนั่งอยู่ในเก้าอี้เข็น แต่ศรัทธาของเขานำเขาฟันฝ่าการทดลองครั้งนี้  ปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูสุขภาพของเขาคือความรักและมิตรภาพของสมาชิกศาสนจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งภรรยาของเขา  จากการศึกษาพระคัมภีร์สมัยเป็นนักเรียนเซมินารีและผู้สอนศาสนา เขาเข้าใจว่าความยากลำบากทั้งหลายไม่หายไป แต่ทำให้บุคคลนั้นเข้มแข็งขึ้น  “ทุกคนมีประสบการณ์ชีวิตต่างกันไป” ประธานสาธิตอธิบาย “แต่แผนแห่งความรอดสอนเราว่าเราอยู่ที่นี่เพราะมีเหตุผล  ปิตุพรของผมบอกว่าผมไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อตัวผมเอง แต่เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ  ด้วยเหตุนี้ผมจึงมุ่งความสนใจไปที่ครอบครัวผมและคนอื่นๆ มากกว่าตนเอง”

ที่การประชุมใหญ่ เขาพูดว่า “เมื่อได้รับคำสั่งจากลีไฮให้ไปเอาแผ่นจารึกจากเลบัน เลมันกับเลมิวเอลเป็นคนช่างสงสัย แต่เราทราบว่านีไฟมีศรัทธา  เราต้องถามตัวเราเองว่า ‘ฉันจะเป็นแบบไหน’ ไม่สำคัญว่าเรามีการเรียกอะไร ตราบเท่าที่เราพยายามทำการเรียกนั้นสุดความสามารถ เราจะได้รับพร”

อรุณ ทองมี ผู้ได้รับการสนับสนุนเป็นประธานท้องถิ่นกรุงเทพตะวันตก จำได้เช่นกันเมื่อครั้งจัดตั้งสเตคแรกในปี 1995  เขารู้สึกว่าประเทศไทยจะไม่ต้องรออีก 19 ปีจึงจะจัดตั้งสเตคที่สาม  เขากล่าวว่า “ในยอห์นบทที่ 15 สอนเราเกี่ยวกับเถาองุ่นแท้ และสิ่งที่เกิดขึ้นกับแขนงที่ไม่ออกผล  พระคัมภีร์บอกว่าเราต้องออกผล แต่ไม่ได้บอกว่าต้องออกผลมาก ขอเพียงให้เราออกผล  พระผู้ช่วยให้รอดทรงตัดแต่งต้นไม้เพื่อให้ออกผลมากขึ้น บางครั้งทรงแยกแขนงของเราออก  ท้องถิ่นกรุงเทพเหนือมีรากแข็งแรงและกลายเป็นสเตค  ตราบเท่าที่เรารักกัน เราสามารถช่วย [พระผู้ช่วยให้รอดของเรา] สร้างอาณาจักรที่นี่ในประเทศไทย”  

ประธานเดวิด เอ็ม. ซีเนียร์ ประธานคณะเผยแผ่กรุงเทพ ประเทศไทยกล่าวว่า “สมาชิกของสเตคกรุงเทพเหนือทุ่มเททำงานด้วยศรัทธาในการทำให้วิสัยทัศน์ของการเป็นสเตคใหม่เกิดขึ้นจริง  นั่นเป็นวันที่เปี่ยมด้วยศรัทธาและผมรู้สึกปีติยินดีอย่างยิ่งสำหรับพรที่กำลังโปรยปรายลงมาบนแผ่นดินและผู้คน”  เขากล่าวต่อไปว่า “จะยังมีพรอีกมากมายในประเทศไทยเมื่อวิสุทธิชนที่ซื่อสัตย์ร่วมมือกับผู้สอนศาสนาในวันอันสำคัญยิ่งนี้ของการเร่งงานของพระเจ้า โดยนำแสงสว่างของพระกิตติคุณไปให้ประชาชาติ ตระกูล ภาษา และผู้คนทั้งปวง  ในปี  2013 มีบัพติศมาในประเทศไทย 650 คนโดยประมาณ และในครึ่งแรกของปี 2014 มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาแล้วกว่า 1,000 คน  พระเจ้าทรงกำลังเร่งงานของพระองค์จริงๆ”

ในช่วงสุดสัปดาห์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ เอ็ลเดอร์และซิสเตอร์กองกับประธานและซิสเตอร์ซีเนียร์ไปเยี่ยมชมหอนาฬิกาในสวนลุมพินี ซึ่ง ณ ที่นี้ เอ็ลเดอร์กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์เคยอุทิศประเทศไทยเพื่อการสั่งสอนพระกิตติคุณเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1966  คำสวดอ้อนวอนอุทิศครั้งนั้นกำลังเกิดสัมฤทธิผล  ศาสนจักรกำลังจัดตั้งสถานที่แห่งความปลอดภัยและที่หลบภัยจากมรสุมชีวิต  พระเจ้าทรงกำลังรวมวิสุทธิชนเพื่อให้สมาชิกในภูมิภาคนี้ของโลกได้รับพรอันประเสริฐของการประกอบศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ให้ตนเองและบรรพชน

ขณะที่วิสุทธิชนในประเทศไทยยังคงพยายามเอาชนะอุปสรรคและใช้ศรัทธา พวกเขาจะออกผล  สัญญาและพรของพระเจ้าตามที่พบในพระคัมภีร์กำลังเกิดสัมฤทธิผลในสยามเมืองยิ้มแห่งนี้  “และเพราะความขยันหมั่นเพียรของท่านและศรัทธาของท่านและความอดทนของท่านต่อพระวจนะขณะบำรุงเลี้ยงมัน, เพื่อมันจะแตกรากในท่าน, ดูเถิด, ในไม่ช้าท่านจะเก็บผลจากมันได้, ซึ่งมีค่าที่สุด, ซึ่งหวานเหนือทุกสิ่งที่หวาน, และขาวเหนือทุกสิ่งที่ขาว, แท้จริงแล้ว, และพิศุทธิ์เหนือทุกสิ่งที่พิศุทธิ์; และท่านจะดื่มด่ำผลนี้แม้จนอิ่ม, เพื่อท่านจะไม่หิว, ท่านจะไม่กระหาย.”(แอลมา 32:42)